ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

FTA ผนึกความร่วมมือภาคี “การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม”

 


Friends of Thai Agriculture: FTA ผนึกความร่วมมือภาคี จัดประชุมนานาชาติ “แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

กรุงเทพฯ , 1 ตุลาคมที่ผ่านมา - ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมกว่า 250 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทย 16 แห่ง นักการทูต ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำภาคเอกชน ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม" Reduction of Air Pollution through Avoidance of Burning in Agriculture’ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย นั่นคือการเผาในภาคเกษตรกรรม งานนี้จัดโดย Friends of Thai Agriculture – FTA ร่วมกับ องค์กรนานาชาติหลายแห่ง ได้แก่ สมาคมเกษตรกรรมเยอรมัน (DLG), GETHAC, GIZ Thailand, Winrock International และศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรอย่างยั่งยืนแห่ง UNESCAP โดยงานสัมมนาได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อยในประเทศไทย



สถานการณ์การเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย การเผาในภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งส่งผลให้มีการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกว่า 2 ล้านครั้งต่อปี จากการศึกษา พบว่า 83% ของการเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยมาจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อย โดยเฉพาะข้าวที่มีการผลิตฟางข้าวกว่า 20 ล้านตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ถูกเผาทิ้งหลังการเก็บเกี่ยว ขณะที่การเผาข้าวโพดยังส่งผลกระทบต่อมลพิษทางอากาศในพื้นที่ใกล้เคียงและก่อให้เกิดหมอกควันข้ามพรมแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



ไฮไลท์จากงานสัมมนา นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเผาในภาคเกษตรกรรมในคำกล่าวเปิดงาน โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวและซังข้าวโพด ซึ่งสามารถนำมาใช้ในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงการพลังงานชีวมวล ท่านยังได้กล่าวถึงนโยบาย "3R Model" ของกระทรวงฯ ซึ่งมุ่งเน้นการลดการเผาในภาคเกษตรกรรม ได้แก่ Re-Habit การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการทำเกษตรกรรม; Replace with High-Value Crops การสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น ไม้ผล และ Replace with Alternate Crops การส่งเสริมการจัดการวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวด้วยวิธีที่ยั่งยืน และแนะนำการปลูกพืชทางเลือกที่ไม่ต้องเผา

ในช่วงการสัมมนาได้มีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ เริ่มต้นด้วย ดร. สมพร จันทรา หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้กล่าวถึงปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีการทำการเกษตรที่ก่อให้เกิดการเผา ท่านได้เน้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ในขณะที่ ศ. ดร. วิษณุ อัทธาวนิช ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายอากาศสะอาดประเทศไทย (ThaiCAN) และนักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของการเผาในภาคเกษตรกรรมที่เป็นปัจจัยหลักของวิกฤตมลพิษทางอากาศในประเทศไทย โดยได้อธิบายถึงสาเหตุของการเผาในพื้นที่การปลูกข้าว ข้าวโพด และอ้อยจากมุมมองของเกษตรกร และได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามและช่องว่างในนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหานี้



การอภิปรายแบบคณะในหัวข้อเฉพาะด้านได้ถูกดำเนินการโดย นางมารีออง ชามินาด (Marion Chaminade) ที่ปรึกษาด้านการเกษตรของสถานทูตฝรั่งเศส โดยการอภิปรายครอบคลุมสามประเด็นสำคัญในการลดการเผาในภาคเกษตรกรรม ได้แก่ เครื่องจักรกลเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์ และห่วงโซ่มูลค่าใหม่ วิศวกรมาร์ติน กุมเมิร์ต (Engr. Martin Gummert, ) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลและกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว ได้กล่าวถึงบทบาทของเครื่องจักรกลในการช่วยลดการเผาอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ รศ.นัฐพล จิตตมาศ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เน้นถึงความสำคัญของการจัดการดินที่ยั่งยืนและการปรับปรุงคุณภาพดินโดยไม่ต้องเผา ส่วนคุณอาร์วิน นรุลา (Mr. Arvind Narula) ผู้ก่อตั้งบริษัทอูรมัตต์ ได้กล่าวถึงการแปรรูปวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่า สร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่จากสิ่งที่มักถูกมองว่าเป็นของเหลือใช้ "ปัญหานี้แพร่หลายไปทั่วและเรื้อรัง แต่ทางออกเชิงพาณิชย์สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว" คุณอาร์วิน กล่าว



ช่วงบ่ายได้มีการจัดการสัมมนาแยกตามชนิดพืช ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และอ้อย โดยเน้นถึงการเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักร วิธีการแปรรูปแบบใหม่ และนวัตกรรมเพื่อการบำรุงดินเป็นแนวทางหลักในการลดการเผา ในการสรุปงานสัมมนาได้มีการนำเสนอผลการอภิปรายในแต่ละช่วงพืช และกล่าวสุนทรพจน์พิเศษโดย ดร. ดาร์เรศ กิตติโยภาส นายกสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย

ดร. พงศ์ไทย ไทยโยธิน รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้กล่าวปิดงานพร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแก้ไขปัญหาการเผาในภาคเกษตรกรรมในประเทศไทย ท่านได้กล่าวถึงบทบาทของกลไกเครดิตคาร์บอนในการผลิตพืช และความพยายามของกรมในการส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์เพื่อการย่อยสลายตอซังข้าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 3R ของกระทรวงฯ นอกจากนี้ ดร. พงศ์ไทยยังได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะประธานเครือข่ายความร่วมมือด้านความทนทานต่อสภาพอากาศในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-CRN) ซึ่งเป็นเวทีที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความทนทานต่อสภาพอากาศของภาคเกษตรกรรมในภูมิภาค และได้เชิญชวนให้มีการร่วมมือกันต่อไปในโครงการของเครือข่ายอาเซียน-CRN ที่มุ่งเน้นการปรับตัวและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ



ก้าวต่อไป ในช่วงสัมมนาเกี่ยวกับข้าว ซึ่งนำโดย นายวิลเลียม สปาร์คส์ (Mr. William Sparks) ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Winrock International และผู้นำโครงการ USDA ThaiRAIN ได้มีการอภิปรายถึงการใช้จุลินทรีย์เป็นทางเลือกแทนการเผา จุลินทรีย์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน แต่ยังลดระยะเวลาการทำปุ๋ยหมักลง 40% ทำให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้อย่างง่ายและมีต้นทุนต่ำ ในการประชุมครั้งนี้ได้เน้นถึงความจำเป็นในการเพิ่มความตระหนักรู้ในหมู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งเสริมการนำแนวทางเหล่านี้ไปใช้ในหมู่เกษตรกร ขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย และมีการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานเพื่อสนับสนุนการนำไปใช้ในวงกว้าง

การสัมมนาเกี่ยวกับข้าวโพดซึ่งนำโดย นายคาร์สเทน ซีเบล(Mr. Karsten Ziebell) ผู้นำโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน (GETHAC) ได้มุ่งเน้นถึงความสำคัญของแรงจูงใจทางการเงินและโอกาสทางเศรษฐกิจในการลดการเผา การเพิ่มความตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเป็นหัวข้อหลัก โดยนายคาร์สเทนได้กล่าวถึงความจำเป็นในการผสานแนวทางการลดการเผาเข้ากับโอกาสทางเศรษฐกิจ และการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปรับเปลี่ยนระบบเกษตรกรรม

สำหรับการสัมมนาเกี่ยวกับอ้อย ซึ่งจัดโดย นางอนา คาร์โรไลนา ลามี (Ms. Ana Carolina Lamy) ที่ปรึกษาด้านการเกษตรของสถานทูตบราซิล ได้เน้นถึงการวิเคราะห์ผลกระทบตลอดวงจรชีวิต (LCA) เพื่อตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวมของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่การสกัดวัตถุดิบจนถึงการผลิต การใช้ และการกำจัด การวิเคราะห์นี้ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโดยรวมของอุตสาหกรรมอ้อย

งานสัมมนาครั้งนี้ ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และสร้างแผนที่นำทางสำหรับการขยายแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

เอ็นไอเอ โหมโรง “นิลมังกร” อัดฉีดผลงานนวัตกรรมเด่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด 19 โค้งสุดท้ายก่อนเฟ้นหาสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ”

  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 14 มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดประกาศผลและมอบรางวัล “ สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค ( Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ให้กับ 20 ธุรกิจนวัตกรรมจาก 4 ภูมิภาค ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรม ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ขึ้น เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและได้เรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิ...

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...