กลุ่มมิตรผล เผยดัชนีความสุขชาวไร่อ้อยในโครงการทำตามพ่อ
ปลูก เพ(ร)าะ สุข สูงถึง 80%
มุ่งสานต่อทุกมิติของความสุขให้เกษตรกรไทยพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
“อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่สามารถประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ไม่แพ้อาชีพอื่น”
คำกล่าวจากเกษตรกรรายหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ตลอดทั้งปี
จากการเข้าร่วมโครงการ “ทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข” กับกลุ่มมิตรผล ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยหลักปรัชญา “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ”
ที่กลุ่มมิตรผลยึดถือเป็นแนวปฏิบัติเพื่อดูแลชุมชนและชาวไร่อ้อยมานานกว่า 63 ปี
พร้อมความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้สามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
จึงเกิดเป็นโครงการ “ทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข” ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2560 โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ พร้อมเชิญชวนให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยแบ่งพื้นที่มาทำเกษตรทฤษฎีใหม่ควบคู่กับการทำไร่อ้อยในพื้นที่ของตัวเอง
เพื่อวางรากฐานการพึ่งพาตนเองและสร้างความสุขที่ยั่งยืน
จวบจนวันนี้เมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนที่ร่วมกันปลูกได้ผลิดอกออกผลเป็นผลลัพธ์แห่งความสุขที่มีตัวเลขดัชนีความสุขในครัวเรือนสูงถึง
80%
สะท้อนถึงความสุขที่สัมผัสได้จริงจากการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนของชาวไร่อ้อยและชุมชน
ผลลัพธ์แห่งความสุขนี้มาจากการเก็บข้อมูลเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ
และทำวิจัยประเมินผลโครงการฯ ร่วมกับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น แปรผลเป็นตัวเลขดัชนีความสุขในครัวเรือนในภาพรวมที่สูงถึง 80%
โดยมีคะแนนความสุขในด้านจิตใจสูงที่สุด ตามด้วยความสุขในด้านสุขภาวะ ด้านสังคม
ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจตามลำดับ
ดัชนีตัวเลขเหล่านี้จึงสะท้อนถึงความสุขของพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ
ตลอดจนความเข้าใจในหลักเศรษฐกิจพอเพียง การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ควบคู่กับการทำไร่อ้อย
การนำองค์ความรู้จากปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น การจัดสรรที่ดิน
การทำพิมพ์เขียว การจัดการทรัพยากรดินและน้ำ
การทำบัญชีฟาร์ม มาปรับใช้กับพื้นที่ของตนเองอย่างเหมาะสม ทำให้สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปีจากกิจกรรมการเกษตรที่หลากหลาย
เกิดเป็นความสุขบนความพอเพียง
อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และความสุขให้กับเพื่อนเกษตรกรในชุมชนได้อีกด้วย
นายชริพันธ์ สุขยิ่ง
เกษตรกรรุ่นใหม่จากไร่สุขยิ่ง จังหวัดสุพรรณบุรี หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า
“ก่อนหน้านี้เคยทำงานในเมืองเหมือนคนหนุ่มสาวทั่วไป
แต่เนื่องจากคุณพ่อมีปัญหาด้านสุขภาพจึงทำให้คิดที่จะกลับมาช่วยครอบครัวดูแลไร่อ้อย พร้อมกับได้ริเริ่มปลูกผักปลอดสารโดยแบ่งพื้นที่ไร่อ้อยของคุณพ่อประมาณ
5 ไร่ มาทำเกษตรทฤษฎีใหม่ และได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ทั้งลงมือปฏิบัติ
และต่อมายกระดับเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ในโครงการ ‘ทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข’
กับกลุ่มมิตรผล
โดยได้รับการถ่ายทอดแนวคิดและแนวปฏิบัติในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่เพิ่มเติมจากการอบรม
ทำให้สามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลผลิตปลอดสารไว้บริโภคในครัวเรือน
สมาชิกในครอบครัวสุขภาพดีขึ้น นอกเหนือจากการทำไร่อ้อยซึ่งเป็นรายได้หลักรายปีแล้ว
ยังได้ต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มจากผลผลิตผักปลอดสารด้วยการแปรรูป เช่น
สลัดโรลปลอดสาร มะเขือเทศปลอดสาร และน้ำเก๊กฮวยปลอดสาร เป็นต้น อีกทั้งยังมีความสุขจากการได้แบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนๆ
เกษตรกรในชุมชนด้วยกัน
เกิดเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ในจังหวัดสุพรรณบุรีที่ถ่ายทอดการทำเกษตรแบบยั่งยืนให้กับคนในชุมชน
ส่วนแผนการในอนาคต
ก็ต้องการจะส่งต่อความสุขด้วยการเปิดไร่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้หรือเปิดร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบปลอดสารจากไร่
เพื่อส่งต่อสุขภาพดีให้กับผู้อื่นต่อไป”
ด้าน นางพรทิพย์ ทองหล่อ
เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ จากจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า “แต่เดิมเคยประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรม
ก่อนจะหันมาทำนาและได้เปลี่ยนมาเป็นเกษตรกรชาวไร่อ้อย
ซึ่งมีรายได้หลักประจำเป็นรายปี
แต่เมื่อได้ลองแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ทำสวนเกษตรผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ด้วยความคิดแรกที่อยากจะมีวัตถุดิบปลอดสารเพื่อสุขภาพไว้บริโภคในครัวเรือน
ทำให้มุ่งมั่นพัฒนาการทำเกษตรผสมผสาน ทั้งปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร
และเลี้ยงสัตว์หลากหลายชนิด
อีกทั้งยังได้รับองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเกษตรกรในชุมชนผ่านการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากรโครงการ
‘ทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข’ เช่น การปรับปรุงดิน
การทำปุ๋ยหมัก ทำให้วันนี้ไร่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรไทยปลอดสารคุณภาพดี
เช่น ตะไคร้ ที่ถูกนำไปแปรรูปเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ ชาตะไคร้ ลูกประคบสมุนไพร
เป็นต้น ช่วยสร้างรายได้เสริมเพิ่มขึ้น”
จากผลลัพธ์แห่งความสุขในภาพรวมที่สูงถึง
80% นี้ ประกอบด้วยค่าผลลัพธ์แห่งความสุขด้านจิตใจที่สูงถึง 84%
ซึ่งเป็นผลมาจากการทำเกษตรที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความเข้าใจในการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ขณะเดียวกันเมื่อเกษตรกรได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
ไร้โรคภัย จึงเกิดเป็นผลลัพธ์แห่งความสุขด้านสุขภาวะที่ 80%
ต่อมาเมื่อมีผลผลิตเหลือจากการบริโภค จึงได้แบ่งปันอาหารในชุมชน
รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ ก่อเกิดความสัมพันธ์อันดีในชุมชน
เป็นที่มาของผลลัพธ์แห่งความสุขด้านสังคมที่ 77% นอกจากนี้
การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ยังส่งผลให้เกษตรกรทำเกษตรได้อย่างหลากหลาย
ระบบนิเวศเกิดความสมดุล ประกอบกับการส่งเสริมวิถีการทำเกษตรอินทรีย์จากโครงการฯ
จึงส่งผลเป็นผลลัพธ์แห่งความสุขด้านสิ่งแวดล้อม 76% และเมื่อสามารถผลิตอาหารได้เอง
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดหาสารบำรุงพืช บำรุงดิน เกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่าย
และมีรายได้เสริมจากกิจกรรมเกษตรทฤษฎีใหม่ นอกเหนือจากการปลูกอ้อย
สะท้อนเป็นผลลัพธ์แห่งความสุขด้านเศรษฐกิจที่ 74% ตามลำดับ
“กลุ่มมิตรผลรู้สึกภูมิใจที่ความตั้งใจของเราในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งต่อความสุขให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทยได้สร้างผลลัพธ์แห่งความสุขที่เป็นรูปธรรมภายใต้แนวคิด
‘ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ’
ตัวเลขดัชนีความสุขในครัวเรือนของเกษตรกรนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าพี่น้องชาวไร่อ้อยและชุมชนในโครงการฯ
สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
และเกิดเป็นความสุขในทุกมิติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” นางสาวกรรณิกา
ว่องกุศลกิจ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาชุมชนเพื่อความยั่งยืน กล่าวทิ้งท้าย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น