กยท.
ลงพื้นที่ให้ความรู้และติดตามสถานการณ์โรคใบร่วงชนิดใหม่แก่พนักงาน กยท.
เขตใต้ล่าง พร้อมนำร่องบินโดรน ทดสอบการใช้สารกำจัดเชื้อรายับยั้งโรคใบร่วง
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
ลงพื้นที่ให้ความรู้และติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis
sp. แก่พนักงาน กยท. เขตภาคใต้ตอนล่าง
และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่
นำร่องทดสอบการใช้โดรนพ่นสารกำจัดเชื้อรา
ยับยั้งการแพร่กระจายของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในพื้นที่ 300 ไร่
พร้อมเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือวิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เตรียมจ่อเสนอบอร์ด
กยท. หามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม ในเดือน พ.ย. นี้
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท
รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านธุรกิจและปฏิบัติการ
เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. ในเขตพื้นที่ปลูกยางพาราภาคใต้ตอนล่างในขณะนี้ว่า
หลังจากที่ทาง กยท. ได้รับรายงานการระบาดของโรคใบร่วงชนิดนี้
ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดยจังหวัดนราธิวาสซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกยางแห่งแรกที่พบการติดเชื้อ
คาดว่าเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่เคยเกิดการระบาดในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
และแพร่ระบาดทางลมจนมาถึงพื้นที่ชายแดนของไทยนั้น ล่าสุด กยท.
ได้เร่งสั่งการให้มีการสำรวจความเสียหายรวมถึงเก็บตัวอย่างของเชื้อเพื่อหาวิธีการป้องกันและรักษา
โดยมอบหมายให้ทางสถาบันวิจัยยาง กยท. ลงพื้นที่อบรมเพื่อสร้างความเข้าใจในพื้นที่
นอกจากนี้ กยท. มองว่าการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่นี้ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป
เนื่องจากเชื้อราชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดสู่พืชชนิดอื่นได้ไม่ใช่แค่เฉพาะยางพาราเท่านั้น
ในส่วนของ กยท. ได้พยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดออกไป
รวมถึงจะมีการเสนอมาตรการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนยางที่สวนเสียหายจากเชื้อราชนิดนี้
ตาม พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย 49(5)
โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการ กยท.
เพื่อหาระเบียบในการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
นายกฤษดา สังข์สิงห์
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 – 14
พฤศจิกายน 2562 กยท. โดยสถาบันวิจัยยาง
ได้จัดโครงการอบรมแนวทางการสำรวจและติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา
Pestalotiopsis sp. เพื่อเร่งสร้างความเข้าใจถึงที่มาของโรค
การแพร่ระบาด และวิธีป้องกันในเบื้องต้น แก่พนักงานของ กยท.
ในพื้นที่เขตภาคใต้ตอนล่าง
และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรค
เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ต่อไปได้ ซึ่งขณะนี้
โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราที่คาดว่าเกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. เป็นหลักและอาจมีเชื้อราชนิดอื่นร่วมด้วย
พบการแพร่ระบาดในสวนยางพาราประมาณ 400,000 ไร่ หรือประมาณ 40 %
ของพื้นที่ปลูกยางในจังหวัดนราธิวาสทำให้ผลผลิตยางลดลงกว่า 30% อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลวิธีการป้องกันกำจัดเชื้อราชนิดนี้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เนื่องจากเป็นโรคใหม่ กยท. โดยสถาบันวิจัยยาง ได้เร่งดำเนินการทดลอง
ศึกษาวิจัยและหาทางป้องกันอย่างเต็มที่
เบื้องต้นจึงแนะนำเกษตรกรชาวสวนยางให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ต้นยาง
และหากพบต้นยางมีอาการของโรคให้แจ้งเจ้าหน้าที่ของ กยท.เพื่อเข้าตรวจสอบ
หากพบว่าติดเชื้อราชนิดนี้ให้ใช้สารกำจัดเชื้อรา เช่น เบโนมีล, โพรปิเนป, แมนโคเซป,
คลอโรธาโลนิล, เฮกซาโคนาโซล หรือ ไทโอฟาเนต-เมธิล
ฉีดพ่นทรงพุ่มให้ทั่วทั้งแปลงโดยเครื่องฉีดพ่นแรงดันสูง นายกฤษดา กล่าว
จากนั้น วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เวลา
9.00 น. โดยประมาณ คณะผู้บริหารของ กยท. ได้ลงพื้นที่สวนยางพาราของ นายสุวิทย์
วัลลิโก เกษตรกรชาวสวนยางในตำบลฆอเลาะ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส
เพื่อทำการทดสอบการพ่นสารเคมีผ่านทางเครื่องอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน
ซึ่งสามารถบรรจุสารเคมีขนาด 10 ลิตร โดยผสมสารกำจัดเชื้อรา โปรปิโคนาโซล +
ไดฟีโนโคนาโซล ผสมกับน้ำและสารจับใบ บินพ่นยอดยางในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 300 ไร่
ภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นจะพ่นซ้ำให้ครบ 3 ครั้ง และจะติดตามผลต่อไป
ด้าน
นายสุวิทย์ วัลลิโก เปิดเผยว่าสวนยางของตนเองเริ่มมีอาการใบร่วง
โดยสังเกตเห็นว่าใบยางแก่จะเกิดจุดสีน้ำตาลที่ใบและเริ่มทิ้งใบ
และร่วงมากขึ้นเมื่อฝนตก ตนจึงแจ้งไปยัง กยท. สาขาสุไหงโก-ลกเพื่อเข้ามาตรวจสอบจึงทราบว่าเกิดจากเชื้อราชนิดนี้ เบื้องต้นทาง กยท.
ได้เข้ามาให้คำแนะนำการดูแลสวนยางรวมถึงนำโดรนเข้ามาสาธิตการพ่นสารกำจัดเชื้อราดังกล่าว
ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและสร้างความมั่นใจต่ออาชีพการทำสวนยางต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น