ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วว./ธ.ก.ส./ธสน. ผนึกกำลังต่อยอด เชื่อมโยง พัฒนานวัตกรรม การตลาด ในกลุ่มธุรกิจ SME เกษตร



ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา “โครงการต่อยอดเชื่อมโยงด้านการพัฒนานวัตกรรมและการตลาดในกลุ่มธุรกิจ SME เกษตร” ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 หน่วยงาน คือ วว. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ตามแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ  ผู้บริหารของพันธมิตรให้เกียรติร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ ได้แก่  นายภานิต  ภัทรสาริน ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. นางสาวศศิธร  มาเมือง ผู้จัดการส่วนบริหารเครือข่ายและที่ปรึกษาผู้ประกอบการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า  ธสน. นายเรืองชัย เจริญกิจสุพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพัฒนา SME และ Startup ธ.ก.ส. รวมทั้งผู้บริหาร และทีมงานของทั้ง 3 หน่วยงาน  โดยมีผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ SME เกษตร จากทั่วประเทศ  40 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ เข้าสัมมนาจำนวน 60 ท่าน ณ ห้องประชุมชั้น 5  อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
การจัดสัมมนาดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา SME และ Startup ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง แข่งขันกับตลาดภายในและต่างประเทศได้  เพื่อเติมความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น  ให้เกิดการพัฒนาในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในการเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจ มีช่องทางการตลาดมากขึ้น และสามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสินเชื่อของธนาคาร  รวมทั้งเพื่อจัดทำแผนการพัฒนา SME ไปในทิศทางการพัฒนาธุรกิจ ในรูปแบบการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการพัฒนาตัวสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด



ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ฐานรากเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาพ ได้แก่ ธุรกิจ SME  และ Startup  ซึ่งธุรกิจนี้มีความเชื่อมโยงกันตลอดห่วงโซ่ถึงในระดับฐานราก มีการเกื้อกูลกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยใช้กระบวนการความร่วมมือ ช่วยเหลือ แบ่งปัน เกิดการจ้างงาน สร้างคน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ดังนั้นการที่หน่วยงานภาครัฐได้มีการจับมือกัน เพื่อร่วมกันที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME  และ Startup  ให้มีความเข้มแข็ง ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง เช่น เสริมความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มช่องทางธุรกิจและเติมโอกาสทางธุรกิจ สร้างช่องทางการตลาด ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวทางในการก้าวสู่การมีธุรกิจที่มั่นคง และในระดับธุรกิจฐานรากก็จะมีการเชื่อมโยงวัตถุดิบจากผู้ผลิตระดับต้นน้ำ ให้เข้ามาสู่เครือข่ายทั้งกระบวนการ และยังมีส่วนงานจากภาครัฐ เข้ามาช่วยกันพัฒนาและนำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆตลอดจนเสริมสร้างองค์ความรู้ต่างๆเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมั่นคงยั่งยืน




“...กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการ SME  และ Startup   ทั้ง 40 บริษัทตามโครงการ  อาศัยความชำนาญเฉพาะของส่วนงาน กระบวนการต้นน้ำและกลางน้ำขับเคลื่อนโดย ธ.ก.ส. ปลายน้ำผลักดันโดย ธสน. โดยมี วว. สนับสนุนเทคโนโลยี นวัตกรรม และมาตรฐาน ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจเป็นกิจกรรมขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งออกผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายยังต่างประเทศและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน  ทั้งนี้ วว. มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานด้านเกษตรปลอดภัย และออแกนิค เพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม จะช่วยเปิดประตูการส่งออกได้ การพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน โดยนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนผ่านการดำเนินงานของทั้ง 3 หน่วยงาน จะช่วยสร้างความเข้มแข็งด้านการส่งออก สร้างรายได้กลับเข้าสู่ประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบให้ผู้ประกอบการในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 ในการหาช่องทางใหม่ๆ เพราะทุกวิกฤตจะมีโอกาสเสมอ...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

นายภานิต ภัทรสาริน  ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันจะมุ่งนำนวัตกรรมเข้ามาใช้เพิ่มมูลค่าและการสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกธุรกิจจะต้องปรับตัวใหม่ทั้งระบบ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยมีสิ่งที่เพิ่มขึ้นคือต้นทุนในกระบวนการผลิต/การประกอบการ ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จึงมุ่งสนับสนุนให้นำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่าการผลิต ช่วยลดต้นทุน ให้เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการค้า จะทำให้ผู้ประกอบการได้เปรียบคู่ค้าในที่สุด



“...ภายหลังสถานการณ์โควิด-19  ธุรกิจ 2 อย่างเติบโต คือ ระบบการจ่ายเงินและระบบการขนส่งสินค้า ผู้ประกอบการจะต้องนำ 2 สิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือต่อสู้ขับเคลื่อนธุรกิจ ธ.ก.ส.มุ่งสร้างผู้ประกอบการหรือหัวขบวนที่เข้มแข็งกว่ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าที่อ่อนแอกว่า เพราะตลาดในปัจจุบันไม่ได้วัดที่ปริมาณ แต่วัดที่มูลค่า ทุกอย่างต้องเอารายได้เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาปริมาณเป็นตัวตั้ง นอกจากนี้จะต้องให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสของประเทศไทย ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเป็นโอกาสที่ดีของภาคการเกษตร เพราะเป็นต้นน้ำ ไทยต้องเข้มแข็งต่อไปในโลก...” ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าว







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

FTA ผนึกความร่วมมือภาคี “การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม”

  Friends of Thai Agriculture: FTA ผนึกความร่วมมือภาคี จัดประชุมนานาชาติ “แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กรุงเทพฯ , 1 ตุลาคมที่ผ่านมา - ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมกว่า 250 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทย 16 แห่ง นักการทูต ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำภาคเอกชน ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม" Reduction of Air Pollution through Avoidance of Burning in Agriculture’ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย นั่นคือการเผาในภาคเกษตรกรรม งานนี้จัดโดย Friends of Thai Agriculture – FTA ร่วมกับ องค์กรนานาชาติหลายแห่ง ได้แก่ สมาคมเกษตรกรรมเยอรมัน ( DLG), GETHAC, GIZ Thailand, Winrock International และศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรอย่างยั่งยืนแห่ง UNESCAP โดยงานสัมมนาได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อยในประเทศไทย สถานการณ์การเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย  การเผาในภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งส่...