วันที่ 26 สิงหาคม 2563 การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
เปิดแถลงข่าว “Hub of Natural Rubber Glove ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตถุงมือยางธรรมชาติ”
ประกาศชัดเจนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตถุงมือยางธรรมชาติของโลก
ชูวัตถุดิบน้ำยางไทยต่อยอดอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา ณ ห้องประชุมรัษฎา
การยางแห่งประเทศไทย บางขุนนนท์
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย เผยว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมแปรรูปยางของไทย
ขณะนี้มีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะถุงมือยาง
ซึ่งถือเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนในกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปยางของประเทศไทย
โดยมีน้ำยางซึ่งมีการผลิตในประเทศเป็นวัตถุดิบหลักผลักดันเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
คาดว่าจะส่งผลต่อการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยรวม
และเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยางของประเทศไทยมีความเข้มแข็งในการเป็นผู้นำการผลิตและการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางของโลก
โดยจะผลักดันให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตถุงมือยางธรรมชาติของโลก
ทั้งนี้ กยท. ร่วมมือและบูรณาการกับหลายภาคส่วน เพื่อให้เกิดพัฒนาอุตสาหกรรมยางทั้งระบบอย่างยั่งยืน
อาทิ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) การหาแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในกิจการยางพารา
เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบกิจการยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง
ทั้งด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อำนวยความสะดวกด้านการลงทุน
และด้านการบริการสนับสนุนธุรกิจผ่านมาตรการต่างๆ รวมถึง กระทรวงพาณิชย์
ในการผลักดันเรื่องการตลาด การลงทุน
และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผลิตภัณฑ์ยางของไทย
โดยมีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
จัดกิจรรมส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ
ระหว่างผู้ค้าและผู้ซื้อถุงมือยางการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
และนักลงทุนในต่างประเทศต่อผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติของประเทศไทย
นายณกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับสถานการณ์ถุงมือยางปัจจุบันที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ
หรือมีกระแสข่าวการผลิตถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐาน
สร้างความเสียหายและมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของถุงมือยางไทยที่ส่งไปต่างประเทศ
และต่อสายตาผู้บริโภค
กยท.
จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน เข้มงวด
ตรวจจับ และดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ และมาตรฐาน
เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ผลิตและส่งออกของไทยให้ได้มาตรฐานสากลโลก
ซึ่งหากมีข้อสงสัยในเรื่องมาตรฐานสินค้าหรือต้องการแจ้งร้องเรียนกรณีพบถุงมือไม่ได้มาตรฐาน
สามารถแจ้งผ่านเว็บไซด์ สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย www.trgma.org หรือ e-mail
: thairubberglove@gmail.com
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนายการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
(MTEC) กล่าวว่า
การวิจัยเรื่องลดปริมาณโปรตีนที่ละลายน้ำในถุงมือยางธรรมชาติให้ได้ต่ำกว่า 200
ไมโครแกรม ตามมาตรฐานที่ ASTM กำหนด
โดยคุณสมบัติทางกายภาพยังคงเหมือนเดิม ขณะนี้
การวิจัยดังกล่าวผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการแล้ว
อยู่ระหว่างการทดสอบในระดับโรงงาน
จึงเชื่อว่าถุงมือยางของประเทศไทยมีความปลอดภัยและสามารถส่งออกไปทั่วโลกได้
นอกเหนือจากเทคโนโลยีการควบคุมปริมาณโปรตีนในถุงมือยางธรรมชาติแล้ว
ควรให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เครื่องจักร
ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ทัดเทียมคู่แข่ง มีการกำหนดมาตรฐานรับรองที่ชัดเจน
รวมไปถึงหน่วยงานผู้รับผิดชอบกำหนดมาตรฐาน
โดยก้าวต่อไปจะมีการร่วมบูรณาการพัฒนาด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีถุงมือยาง
ของหลายภาคส่วน เช่น กยท. MTEC กรมวิทยาศาสตร์บริการ
มหาวิทยาลัยต่างๆ และผู้ประกอบการถุงมือยาง
“ควรวางยุทธศาสตร์ร่วมกันในทุกมิติ ให้ข้อมูลที่สำคัญแสดงให้เห็นว่า
ถุงมือยางธรรมชาติของไทยปลอดภัยต่อผู้ใช้
จึงขอความร่วมมือในทุกภาคส่วนในการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ซื้อ ผู้ใช้
ทั้งในประเทศและต่างประเทศรับรู้”
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้แนวทางว่า
ทิศทางความต้องการของถุงมือยางธรรมชาติมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตัวเลขคาดการณ์ในปี
2563 มีความต้องการใช้กว่า 3.6 แสนล้านชิ้น สำหรับการทำตลาดถุงมือยางธรรมชาติเพื่อส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยาง
โดยให้ทางรัฐบาลใช้น้ำยางพาราของไทย ซึ่งถือเป็นเบอร์หนึ่งของการส่งออก
นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตถุงมือยางพาราแท้ 100 %
รวมถึงการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนให้กับต่างชาติที่มีความต้องการตั้งโรงงานผลิตถุงมือยางธรรมชาติในประเทศไทย
จะต้องใช้น้ำยางข้นของไทยเป็นวัตถุดิบในการผลิตเท่านั้น
“สร้าง Presenter ที่มีความน่าเชื่อถือ ยกตัวอย่างเช่น
ผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนผู้มีชื่อเสียง
นำเสนอการใช้ถุงมือที่ผลิตจากยางธรรมชาติผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆ สร้างความเชื่อมั่น
ใช้ PR Marketing ให้ถุงมือยางพาราจากประเทศไทย
เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความโดดเด่นของถุงมือยางธรรมชาติ
โดยเฉพาะในวิกฤตการณ์ covid 19
สื่อสารให้เกิดการรับรู้ถึงประโยชน์ คุณสมบัติ ข้อดี ของถุงมือยางธรรมชาติ”
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล นายกสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย ให้ความเห็นว่า
หากอ้างอิงจากปริมาณการส่งออกถุงมือยางของไทย ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลก
โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8-15%
จึงเป็นข้อได้เปรียบและโอกาสที่ดีของผู้ประกอบอุตสาหกรรมถุงมือยางของไทย
รวมไปถึงกลุ่มประเทศผู้ใช้ถุงมือยางรายใหม่ที่มีความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มมากขึ้น
จากสถานการณ์ระบาดของโรค Covid-19 อาทิ ประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันอออกกลาง
ดังนั้น
ภาครัฐต้องช่วยสนับสนุนออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตถุงมือยางพาราให้มากขึ้น
เพื่อใช้สำหรับปรับปรุงเครื่องจักร ขยายกำลังการผลิต ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น
ซึ่งสินค้าที่ตรงความต้องการส่วนใหญ่ผลิตจากยางธรรมชาติ ดังนั้น
ปริมาณความต้องการใช้ยางเพื่อเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จึงสูงขึ้นตามไปด้วย
หากมีการส่งเสริมให้ใช้วัตถุดิบจากยางธรรมชาติในประเทศไทยให้มากขึ้นจะถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง
ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ และเศรษฐกิจของประเทศย่อมดีขึ้นด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น