ครั้งแรกของโลก! การวิจัยพัฒนาเพาะเนื้อเยื่อ “มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบ” โดย เอ็นซี โคโคนัท จับมือ มหาวิทยาลัยนเรศวร ประกาศความสำเร็จพร้อมเดินหน้าการพัฒนามะพร้าวน้ำหอมเพื่ออุตสาหกรรม
บริษัท เอ็นซี
โคโคนัท จำกัด หนึ่งในผู้ส่งออกมะพร้าวน้ำหอมรายใหญ่เป็นอันดับต้นๆ
ของประเทศ จับมือกับ คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมทำโครงการ COCONUT Tissue Culture หรือการพัฒนาขยายพันธุ์มะพร้าวน้ำหอม “พันธุ์ก้นจีบ” ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
สำเร็จเป็นที่แรกของโลก
ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณบดี คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า การวิจัยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อครั้งนี้เป็นการขยายพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบในสภาพปลอดเชื้อ
ด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายพันธุ์ในอนาคต
เริ่มต้นจากการคัดเลือกต้นพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมที่ดี ได้แก่
น้ำและเนื้อมีรสชาติหวาน หอม จำนวนทะลายสูง จำนวนผลต่อทะลายพอเหมาะ ให้ผลสม่ำเสมอ
ฯลฯ เมื่อได้ต้นพันธุ์แล้วนำตัวอย่างพืช (Explant) ของต้นดังกล่าวไปทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เพื่อให้ได้ต้นพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมในปริมาณมาก มีลักษณะตรงตามต้นพันธุ์ และปลอดโรค
ให้ผลดก เป็นการส่งเสริมและสร้างรายได้ให้เกษตรกร
หลักการที่สำคัญของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของมะพร้าวน้ำหอม
- ใช้เทคนิคปลอดเชื้อตัดเอาชิ้นส่วนของพืช
(Explant) ที่ผ่านการฟอกฆ่าเชื้อแล้วมาเลี้ยงในขวดแก้วที่บรรจุ
อาหารวิทยาศาสตร์ซึ่งผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อมาเรียบร้อยแล้ว
- เมื่อเซลล์จากชิ้นส่วนต่างๆ
ของมะพร้าวที่นำมาเลี้ยงได้รับแร่ธาตุ วิตามินสารควบคุมการเจริญเติบโต
และน้ำตาล
จากอาหารวิทยาศาสตร์ที่ใช้เลี้ยงในสภาพปลอดเชื้อ จะมีการเจริญเติบโตเป็นต้นโดยตรง
หรือเกิดเป็นกลุ่มของเซลล์ที่เรียกว่าแคลลัส
- เลี้ยงแคลลัสในสภาพที่มีแสง
แคลลัสเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นโซมาติกเอ็มบริโอและเกิดยอดใหม่ที่
มีสีเขียว
ชักนำให้เกิดยอดและราก
- เมื่อต้นกล้ามียอดและรากที่สมบูรณ์จึงนำออกปลูก อนุบาลในโรงเรือน
และนำออกปลูกในแปลงปลูก
ต่อไป
ประโยชน์ในการขยายพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมด้วยเนื้อเยื่อ
1.ได้ต้นแม่พันธุ์ที่เป็นพันธุ์ก้นจีบแท้ 100%
ที่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามต้นแม่พันธุ์ เช่น มีผลดก รสชาติหอมหวาน
คงอัตลักษณ์มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบ
2.ลดอัตราความเสี่ยงของเกษตรกรในเรื่องพันธุ์ที่ไม่แท้
ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคอยหลังจากปลูกเป็นเวลา 2-3 ปี
3.มะพร้าวที่เพาะพันธุ์ทางธรรมชาติมีอัตราการงอกของต้นพันธุ์ร้อยละ 50-55
4.ตอบสนองความต้องการของเกษตรกรที่มีความต้องการเพาะปลูกแม่พันธุ์มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบที่มีปริมาณมากในท้องตลาด
5.ส่งเสริมภาคการส่งออกมะพร้าวน้ำหอมให้มีการเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม
6.สร้างผลิตผลของมะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบได้ตรงตามสายพันธุ์และได้คุณภาพด้านรสชาติที่ตรงตามความต้องการผู้บริโภคทั่วโลก
“ความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและครั้งแรกของโลก
เนื่องจากว่ามะพร้าวน้ำหอมก้นจีบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ GI พิกัดทางภูมิศาสตร์
และก็ประเทศไทยมีพันธุ์ก้นจีบต่างประเทศไม่ใช่พันธุ์ก้นจีบ ซึ่งพันธุ์ก้นจีบเป็นพันธุ์ที่จังหวัดราชบุรีได้ยื่นขอจดทะเบียน
GI พิกัดภูมิศาสตร์ มีลักษณะเฉพาะ มีความหอมและหวาน
และก็ลักษณะที่ปลูกได้ดีในจังหวัดราชบุรี มีคุณภาพดีและเป็นพันธุ์ใช้สำหรับการส่งออก
ปัจจุบันเราจะเพาะได้ 1 ลูกได้ 1 ต้น
แต่ถ้าเกิดเราสามารถทำ 1 ลูกให้มีจำนวนมากขึ้น 1 :
1000 มันก็จะได้ทำให้ขยายพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมได้มากขึ้น
เหตุที่ต้องทำเพราะว่าประเทศที่ต้องการสินค้าตัวนี้ อย่างจีนหรือต่างประเทศก็ตาม ต้องการสูง
ตอนนี้เราไม่มีมะพร้าวน้ำหอมที่มีคุณภาพดีทั้งหอมและหวาน
ที่จะถูกต้องตรงสายพันธุ์ที่จะใช้ในการผลิต ดังนั้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อจึงสามารถตอบโจทย์ทั้งในเชิงคุณภาพตรงตามคุณสมบัติคงอัตลักษณ์เดิมเอาไว้ได้
ช่วยลดต้นทุนและเวลา สามารถเพิ่มปริมาณได้ตามความต้องการของตลาดต่อไป” ผศ.ดร.พีระศักดิ์
ฉายประสาท กล่าวเพิ่มเติม
และนอกจากนี้ในงานแถลงข่าว บริษัท เอ็นซี โคโคนัท จำกัด
ได้เปิดตัวสินค้าใหม่เป็นนวัตกรรมสำหรับการดื่มน้ำมะพร้าวน้ำหอมจากลูกได้ง่ายขึ้น COCO BUCKET “ไม่เฉาะ
แค่เพียงเจาะ ก็ได้ความสด” ถือได้ว่าเป็นการเปิดหรือเฉาะลูกมะพร้าวที่ไม่ต้องพึ่งพามีดอีกต่อไป
ทำให้ทุกๆ คนดื่มน้ำมะพร้าวแบบลูกสดๆ ได้ง่ายสะดวกสบายรับฤดูร้อนที่จะมาถึงในเร็ววันนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น