ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วช. ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน “อารยะศิลป์ ชัยภูมิ” ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณเฮือนคำมุ จ.ชัยภูมิ

 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และเครือข่ายวิจัยภูมิภาค: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ร่วมประชุมเตรียมการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน “อารยะศิลป์ ชัยภูมิ”พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ (เฮือนคำมุ) ณ ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ด้านศิลปวัฒนธรรมล้านช้างในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย



ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน เป็นการดำเนินงานของ วช. ร่วมกับเครือข่ายวิจัยภูมิภาคทั้ง 4 ภูมิภาค เพื่อเป็นกลไกในการสร้างความยั่งยืนในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของชุมชนและคุณภาพชีวิตให้กับท้องถิ่น บูรณาการความร่วมมือในการจัดตั้ง “ศูนย์วิจัยชุมชน”ในภูมิภาคต่าง ๆโดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้ชุมชน หรือสังคม ได้เข้าถึงงานวิจัยและนวัตกรรม และสามารถนำไปใช้งานได้จริง เชื่อมโยงพัฒนาการประกอบอาชีพ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น



การประชุมเพื่อประชุมหารือจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชนฯ “อารยะศิลป์ ชัยภูมิ” พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ(เฮือนคำมุ)จังหวัดชัยภูมิ ดำเนินการโดยเครือข่ายวิจัยภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนำเสนอผ้าซิ่นชัยภูมิ ที่ได้ศึกษาวิจัยและพัฒนา จากการสืบทอดทางวัฒนธรรมของวิถีชีวิตอารยธรรมล้านช้างในประเทศไทย ศิลปะลวดลายบนผืนผ้าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์และความเป็นมาของคนในแต่ละยุคสมัย โดยมี ดร.คมกฤช ฤทธิ์ขจร เป็นหัวหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน สำหรับเป็นสถานที่รวบรวมวัตถุและผ้าโบราณ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านช้างในแผ่นดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย


เครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินงาน จะประกอบด้วย หน่วยงานสนับสนุนการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม โดย วช. พร้อมด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ โดย วช.มีเป้าหมายให้ความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้สร้างความยั่งยืนให้กับพื้นที่และท้องถิ่น ในการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม ให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง และมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

FTA ผนึกความร่วมมือภาคี “การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม”

  Friends of Thai Agriculture: FTA ผนึกความร่วมมือภาคี จัดประชุมนานาชาติ “แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กรุงเทพฯ , 1 ตุลาคมที่ผ่านมา - ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมกว่า 250 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทย 16 แห่ง นักการทูต ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำภาคเอกชน ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม" Reduction of Air Pollution through Avoidance of Burning in Agriculture’ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย นั่นคือการเผาในภาคเกษตรกรรม งานนี้จัดโดย Friends of Thai Agriculture – FTA ร่วมกับ องค์กรนานาชาติหลายแห่ง ได้แก่ สมาคมเกษตรกรรมเยอรมัน ( DLG), GETHAC, GIZ Thailand, Winrock International และศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรอย่างยั่งยืนแห่ง UNESCAP โดยงานสัมมนาได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อยในประเทศไทย สถานการณ์การเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย  การเผาในภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งส่...