ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วว.เผยโรงรมควันลำไยด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จ.ลำพูน ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานสากล GMP / GFP ผลผลิตลำไยสดเกรดพรีเมียมจากโรงรมฯ 20 ตันแรก พร้อมส่งออกสู่ประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายนนี้


สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผย โรงรมลำไยด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จังหวัดลำพูน ผ่านการตรวจรับรองประเมินโรงคัดบรรจุตามระบบมาตรฐานสากล GMP และผ่านการตรวจประเมินโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตามหลักปฏิบัติที่ดี GFP ของกรมวิชาการเกษตร ระบุลำไยเกรดพรีเมียมผลผลิตจากโรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ 20 ตันแรก จะส่งออกสู่ประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมเชิญชวนเกษตรกร/ผู้ประกอบการ เข้ามาใช้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออกลำไยสด ผัก ผลไม้ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม

นายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการกลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า โรงรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ระบบควบคุมสภาวะต้นแบบ ซึ่งเป็นโรงรมต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ที่นำเทคโนโลยีการรมควันลำไยด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของ วว. เข้ามาใช้ในระบบ โดย วว. ได้รับมอบหมายจากกระทรวง อว. ให้ดำเนินการ มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการยืดอายุลำไยเพื่อการส่งออก ต. เหล่ายาว อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ขณะนี้ได้ผ่านการตรวจรับรองประเมินโรงคัดบรรจุตามระบบมาตรฐานสากล Good  Manufacturing  Practices (GMP) และผ่านการตรวจประเมินโรงรมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตามหลักปฏิบัติที่ดี The Good Fumigation ractices of Sulfur dioxide (GFP) ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ซึ่งจะทำให้โรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ ให้บริการแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถส่งออกต่างประเทศได้ในระดับสากล
 “...วว. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการการพัฒนาด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่จังหวัดลำพูน กับหน่วยงานเครือข่าย ได้แก่ จังหวัดลำพูน และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีลำพูน (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน Sharing Economy ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยียืดอายุลำไยเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ ที่ผ่านการตรวจประเมินระบบมาตรฐานสากลจากกรมวิชาการเกษตรทั้งระบบมาตรฐาน GMP และ GFP ดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการส่งออกลำไยสดเกรดพรีเมียมไปยังประเทศจีน จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ 20 ตันแรก โดยเป็นลำไยสดที่มีการควบคุมคุณภาพการผลิตตั้งแต่ ต้นน้ำ ของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีลำพูนฯ ที่ได้ส่งเสริมการปลูกกว่า 1,000 ไร่ แล้วนำผลผลิตลำไยสดนั้นผ่านกระบวนการของโรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ แห่งนี้ นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของ วว. ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปเสริมแกร่งการส่งออกผลผลิตการเกษตรของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ วว.ขอเชิญชวนกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ เข้ามาใช้บริการโรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เราพร้อมให้บริการแก่ทุกท่าน...” นายสายันต์  ตันพานิช กล่าว

ทั้งนี้ โรงรมก๊าซซัลเฟอร์ฯ มีประสิทธิภาพควบคุมปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในเนื้อลำไยได้ ช่วยลดการใช้กำมะถัน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน ช่วยยืดอายุการเก็บผลลำไย รวมทั้งผักและผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว ได้นานขึ้น 30-45 วัน ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถการส่งออกที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ ประกอบด้วยเทคโนโลยีการรมควันด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 3 ระบบ ดังนี้ 1.ระบบการรมควันด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่สามารถควบคุมปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ตกค้างในเนื้อลำไยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.ระบบป้องกันการรั่วไหลของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากกระบวนการและในพื้นที่ทำงานในโรงงาน และ 3.ระบบการควบคุมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปล่อยออกนอกโรงงาน เป็นระบบมีการหมุนเวียนน้ำกลับไปใช้ซ้ำไม่มีการระบายน้ำทิ้ง และได้ผลพลอยได้เป็นยิปซัม สามารถใช้เป็นวัสดุปรับปรุงสภาพดินได้ 





สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอรับบริการโรงรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ วว. ได้ที่ โทร. 0-2577-9009 (ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์) www.tistr.or.th E-mail: tistr@tistr.or.th  LINE@TISTR


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

FTA ผนึกความร่วมมือภาคี “การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม”

  Friends of Thai Agriculture: FTA ผนึกความร่วมมือภาคี จัดประชุมนานาชาติ “แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กรุงเทพฯ , 1 ตุลาคมที่ผ่านมา - ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมกว่า 250 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทย 16 แห่ง นักการทูต ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำภาคเอกชน ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม" Reduction of Air Pollution through Avoidance of Burning in Agriculture’ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย นั่นคือการเผาในภาคเกษตรกรรม งานนี้จัดโดย Friends of Thai Agriculture – FTA ร่วมกับ องค์กรนานาชาติหลายแห่ง ได้แก่ สมาคมเกษตรกรรมเยอรมัน ( DLG), GETHAC, GIZ Thailand, Winrock International และศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรอย่างยั่งยืนแห่ง UNESCAP โดยงานสัมมนาได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อยในประเทศไทย สถานการณ์การเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย  การเผาในภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งส่...