ทึ่ง!อัญชันพันธุ์ใหม่ “เทพรัตน์ไพลิน 63”
ให้ผลผลิตและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
กรมวิชาการเกษตร ชูอัญชันพันธุ์ใหม่
“เทพรัตน์ไพลิน 63 “ คุณสมบัติเด่นเกินคาดให้สารสำคัญแอนโทไซยานินช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สูง
กลีบดอกใหญ่ 5 กลีบซ้อนเวียน สม่ำเสมอในต้นเดียวกัน ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป
แถมเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่า 6 วัน สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรส่งออก
“เกาหลี” แปรรูปเป็นชา
อัญชันพันธุ์ใหม่ "เทพรัตน์ไพลิน 63"
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า อัญชัน เป็นพืชที่ออกดอกเกือบตลอดปี อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นพืชที่มีการผสมตัวเอง แต่ในธรรมชาติมักพบมีการผสมข้ามสายพันธุ์โดยแมลงสูงมาก จึงทำให้มีการกระจายตัวทางพันธุกรรม โดยอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไปพบมีความแปรปรวนทางพันธุกรรม
ทำให้ ลักษณะกลีบดอกไม่สม่ำเสมอ โดยมีกลีบดอกตั้งแต่ 3-5 กลีบปะปนในต้นเดียวกันและมีทั้งซ้อนและไม่ซ้อนกัน ทำให้ได้ผลผลิตและสารแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารสำคัญช่วยต้านอนุมูลอิสระ
และชะลอความเสื่อมของเซลล์ในอัญชันไม่คงตัวและไม่สม่ำเสมอ
ในปี 2554 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
กรมวิชาการเกษตร จึงได้ทำการปรับปรุงอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไป โดยปลูกและคัดเลือกอัญชันพันธุ์ปลูกทั่วไปใช้การคัดเลือกพันธุ์บริสุทธิ์
ทำการคัดแยกเป็นสายพันธุ์
โดยคัดเลือกต้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตดอกเร็ว ผลผลิตสูง ลักษณะดอก มีกลีบดอก 4-5 กลีบ ซ้อน และให้ปริมาณแอนโทไซยานินรวมสูงสุด หรือไม่น้อยกว่า 70 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักกลีบดอกสด 100 กรัม และปลูกทดสอบพันธุ์ร่วมกับพันธุ์ปลูกทั่วไปในแปลงของเกษตรกร
เพื่อให้ได้อัญชันพันธุ์แท้ที่มีความสม่ำเสมอของลักษณะดอก
และให้ผลผลิตมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไปอย่างน้อย 30
เปอร์เซ็นต์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า
การปรับปรุงพันธุ์อัญชันประสบความสำเร็จได้อัญชันพันธุ์ใหม่เสนอเป็นพันธุ์พืชแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
ใช้ชื่อว่า “อัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 ” โดยมีลักษณะเด่นตามที่ต้องการ คือ ให้ผลผลิตดอกสดสูงถึง
2,122 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป และยังเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรกได้เร็วกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป
6 วัน มีปริมาณสารแอนโทไซยานินรวมมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป
1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักกลีบดอกสด 100
กรัม และลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ลักษณะดอกมีกลีบดอกใหญ่ 5
กลีบซ้อนเวียน ซึ่งการมีจำนวนกลีบดอกที่เท่ากันและมีความสม่ำเสมอในต้นเดียวกัน จะช่วยเพิ่มผลผลิตและเพิ่มน้ำหนักดอก
ในขณะเดียวกันถ้าจำนวนกลีบดอกไม่เท่ากัน น้ำหนักแต่ละดอกก็จะต่างกัน ผลผลิตโดยรวมก็จะไม่คงตัวและทำให้ได้ผลผลิตไม่คงที่
ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรได้กระจายเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรได้นำไปปลูกแล้วหลายจังหวัด โดยเมล็ดพันธุ์คัด 2 กิโลกรัม
ถ้าปลูกขยายพันธุ์ในพื้นที่ 10 ไร่ สามารถผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์หลักได้ 1,000
กิโลกรัม
เมื่อนำเมล็ดพันธุ์หลักไปปลูกต่อสามารถผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ขยายได้ 500 ตัน โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร ได้ให้คำแนะนำการปลูกแก่เกษตรกรในกรณีปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ให้ได้ตรงตามพันธุ์
และเพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ โดยปลูกให้มีระยะห่างจากพันธุ์อื่น
เพื่อป้องกันการผสมข้ามโดยแมลง ซึ่งจะทำให้เมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อมีความแปรปรวนได้
มีเกษตรกรได้นำอัญชันพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน 63 ที่ได้รับจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรไปปลูกขยายเป็นการค้า
โดยส่งออกดอกอัญชันไปประเทศเกาหลีเพื่อนำไปแปรรูปเป็นชา ถือเป็นการสร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
เกษตรกรที่สนใจ “พันธุ์อัญชันเทพรัตน์ไพลิน
63” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร
โทร. 056-990035
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น