“ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย” มือปราบศัตรูพืช ช่วยเกษตรกรไทยลดต้นทุนการผลิตเกินคาด กว่า 3,000 บาท/ไร่!!!
กรมวิชาการเกษตร ส่งต่อเทคโนโลยีพร้อมนวัตกรรมโรงผลิตชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยแบบง่ายผ่านเกษตรกรต้นแบบผลิตใช้เองพร้อมขยายผลสู่พื้นที่ข้างเคียง
วางเป้าติดตั้งโรงผลิตชีวภัณฑ์ 100 โรง
เผยตะลุยผลิตแล้ว 65 โรง ทึ่งนักรบใต้ดินช่วยลดต้นทุนใช้สารเคมีเกินคาดกว่า
3,000 บาท/ ไร่
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า
นอกจากงานวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชกรมวิชาการเกษตรยังมีภารกิจสำคัญเป็นหน่วยงานวิจัยพัฒนาสารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชเพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี
โดยสารชีวภัณฑ์ดังกล่าวต้องผ่านการทดสอบศักยภาพในระดับห้องปฏิบัติการ โรงเรือน
และทดสอบประสิทธิภาพในแปลงร่วมกับเกษตรกร
เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งเป็นองค์ความรู้ที่พร้อมถ่ายทอดนำไปต่อยอดได้ในเชิงพาณิชย์
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
ชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตร
ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด ได้แก่ หนอนใยผัก
หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนคืบ ด้วงหมัดผัก
ด้วงเต่าแตง ด้วงทำลายใบกุหลาบและใบมะนาว หนอนแมลงนูนหลวง
และปลวกทำลายรากมันสำปะหลัง
โดยไส้เดือนฝอยจะเข้าไปขยายพันธุ์ในตัวแมลง
จนแมลงเหลือแต่ซากไส้เดือนฝอยจะเคลื่อนที่ลงมาในดินเพื่อรอแมลงเป็นเหยื่อรายใหม่ต่อไป
หรือหากไม่สามารถเข้าถึงตัวแมลงได้จะอาศัยอยู่นิ่งๆ ในดินมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แต่ถ้าดินมีความชื้นเล็กน้อยแสงแดดส่องไม่ถูกตัวไส้เดือนฝอยจะมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นปี
จึงเป็นเสมือนกับนักรบใต้ดินที่คอยป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชไม่ให้เข้าทำลายพืชเป็นด่านแรก
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า
กรมวิชาการเกษตรมีความพร้อมในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตขยายไส้เดือนฝอยอย่างง่ายระดับเกษตรกรทำใช้เอง
รวมทั้งได้พัฒนาวิธีการเพาะขยายชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยในโรงผลิตขยายระดับชุมชน
ในรูปแบบโรงผลิตขยายขนาดเล็กโครงสร้างน๊อกดาวน์ที่มีความสะดวกในการขนย้ายและประกอบติดตั้งง่าย
วัสดุมีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นานมากกว่า 10 ปี
โดยโรงผลิตขยายชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยจะช่วยให้การเพาะเลี้ยงไส้เดือนฝอยแบบทำใช้เองประสบผลสำเร็จดีขึ้นในระดับชุมชน
มีกระบวนการเพาะเลี้ยงแบบง่ายขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยาก
สามารถผลิตไส้เดือนฝอยในโรงผลิตดังกล่าวได้จำนวนมาก เกษตรกรนำชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยไปใช้ทดแทนสารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม
สามารถลดต้นทุนการผลิตจากการใช้สารเคมีได้ถึง 3,000–4,000
บาท/ไร่/ครั้ง ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรจำนวน 12,000
บาท/ไร่/ครั้ง
โรงผลิตขยายชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง
เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่เพื่อชุมชนเกษตรปลูกพืชปลอดภัยจากสารเคมีและเกษตรอินทรีย์
สามารถผลิตไส้เดือนฝอยได้จำนวนมากต่อรอบการผลิต
เพียงพอต่อการนำไปใช้พ่นกำจัดแมลงครอบคลุมพื้นที่ปลูก 30 ไร่ โดยมีค่าใช้จ่ายในการเพาะขยายไม่เกิน 100
บาท/ไร่ ที่สำคัญเกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะเลี้ยงด้วยตนเอง
เพื่อให้มีไส้เดือนฝอยใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชตลอดฤดูปลูกเป็นการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
โดยกรมวิชาการเกษตรมีเป้าหมายติดตั้งโรงผลิตชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ทั้งหมดจำนวน
100 โรง ปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว 65 โรง
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินเกษตรกรต้นแบบที่จะรับการถ่ายทอเทคโนโลยีการผลิตรวมทั้งความเหมาะสมของพื้นที่ที่จะติดตั้ง
“โรงผลิตขยายชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงระดับชุมชน”
ทุกโรงที่กรมวิชาการเกษตรผลิตขึ้นมา จะมี QR Code ติดอยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า
เกษตรกรหรือผู้สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตและใช้ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง
สามารถใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายรวดเร็ว
ทันสมัย โดยไม่ต้องพึ่งพาเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เป็นเล่มอีกต่อไป”
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น