ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วว. แนะส่งเสริมปลูกเลี้ยง “สุคนธรส” เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างอาชีพ สร้างรายได้มั่นคง ลดผลกระทบจากโควิด-19 ในระยะยาว

 


กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แนะส่งเสริมปลูกเลี้ยง “สุคนธรส” หรือเสาวรสยักษ์ ให้เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ ด้วยมีคุณสมบัติเป็นไม้ผลขนาดใหญ่ นำมาแปรรูปได้ตลอดทั้งต้น มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลากหลาย หวังสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ประชาชนได้รับจากสถานการณ์โควิด-19 ในระยะยาว พร้อมเผยความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการฉายรังสี จำนวน 5 สายพันธุ์ มีลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ ทรงรี เปลือกผลบาง เนื้อหุ้มเมล็ดหนา กลิ่นหอม รวมทั้ง ลำต้น ใบ มีความแข็งแรง เจริญเติบโตเร็ว ทนต่อโรคและแมลง 


ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับครัวเรือน อย่างไรก็ตามในวิกฤตดังกล่าวก็มีโอกาสให้กับทุกคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจให้การดำเนินชีวิตก้าวต่อไปได้ในระยะยาว แนวทางหนึ่งซึ่ง วว. มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปสนับสนุนส่งเสริมภาคเกษตรกรรม ในด้านเกษตรอินทรีย์ วิจัยและส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร พืชพื้นบ้าน และพืชเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งการปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์พืช ทั้งนี้ “สุคนธรส” หรือ “เสาวรสยักษ์” คือ ไม้ผลที่ วว. มองเห็นศักยภาพที่ควรรณรงค์ให้มีการปลูกเลี้ยงเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่



“...ปัจจุบันการปลูกเลี้ยงสุคนธรสมีเพียงบางพื้นที่ ทำให้สุคนธรสยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เกษตรกรส่วนใหญ่มักนิยมปลูกสุคนธรสเพื่อการบริโภคเฉพาะภายในครัวเรือน สำหรับการปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นการค้ายังประสบปัญหาในเรื่องคุณภาพของสายพันธุ์ เนื่องจากต้นพันธุ์สุคนธรสที่ใช้ในการเพาะปลูกทางการค้ายังมีอยู่อย่างจำกัด แต่อย่างไรก็ตามด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของดอกและขนาดของผลที่ใหญ่โต รวมทั้งประโยชน์ในการแปรรูปเป็นอาหารตั้งแต่ใบ ดอก และผล ทำให้สุคนธรสเป็นผลไม้ทางเลือกอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะในการส่งเสริมปลูกเลี้ยงและนำไปพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคต่อไป...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว


ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต กล่าวต่อว่า วว. โดยศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. ได้ดำเนินโครงการการปรับปรุงสายพันธุ์สุคนธรสลูกผสม และเสาวรสสายพันธุ์กลายโดยวิธีการฉายรังสี ซึ่งประสบผลสำเร็จในการปรับปรุงสายพันธุ์สุคนธรส และเสาวรสเพื่อส่งเสริมปลูกเลี้ยงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดน่าน โดยพื้นที่ในจังหวัดดังกล่าวสามารถปลูกเลี้ยงและเจริญเติบโตได้ดี

ดร.อนันต์ พิริยะภัทรกิจ

ดร.อนันต์ พิริยะภัทรกิจ นักวิจัย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อมูลสนับสนุนแนวคิดการรณรงค์ให้มีการปลูกเลี้ยงให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ว่า สุคนธรส มีชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora quadrangularis L. ชื่อสามัญ Giant  granadilla เป็นพืชสกุลเดียวกับเสาวรส ซึ่งเป็นผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพ ไม่ว่าจะรับประทานในรูปของผลสดหรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้พร้อมดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด ทั้งนี้ “สุคนธรส” มีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น ดังนี้ เสาวรส (กะทกรกฝรั่ง) สุคนธรส (ภาคกลาง) แตงกะลา มะแตงสา หรือแตงสา (ภาคกลางและตะวันตก) บางพื้นที่เรียกว่า กะทกรกยักษ์ หรือเสาวรสยักษ์ เนื่องจากผลมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดากะทกรก (เสาวรส) 


เนื้อในผลสุคนธรส

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของสุคนธรส  เป็นไม้เถาเลื้อยมีมือเกาะ ลำต้นเป็นเหลี่ยมมีปีกแคบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ ชาวบ้านนิยมนำใบอ่อน ยอดอ่อนมาลวกจิ้มน้ำพริกรับประทาน หรือนำใบมาตากแห้งเป็นชาชงดื่ม แก้ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และลดไขมันในเส้นเลือด ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ กาบดอกหุ้มสีเขียว กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีขาวอมเขียว เจือสีแดง ดอกมีกลิ่นหอมแรงมาก ผลดิบสีเขียวอ่อนมีขนาดใหญ่ ความยาวผลประมาณ 30 เซนติเมตร น้ำหนักผล 0.5 – 1.0 กิโลกรัม รูปทรงกระบอกแกมรีหรือรูปไข่ เนื้อภายนอกของสุคนธรสมีประโยชน์และสรรพคุณหลายอย่าง ผลอ่อนรับประทานเนื้อผล นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู อาทิเช่น ผัดใส่ไข่ ต้มจืด แกงเลียง หรือนำไปลวกจิ้มกับน้ำพริก นอกจากนี้เปลือกผลยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลไม้แช่อิ่มหรืออบแห้ง สำหรับรับประทานเป็นขนมขบเคี้ยว ภายในผลดิบจะมีเมล็ดสีดำที่ถูกหุ้มด้วยรกสีขาว ผลสุกมีสีเหลือง ภายในผลจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานเช่นเดียวกับเสาวรส  แต่อาจจะมีรสชาติหวานและกลิ่นหอมกว่า ชาวบ้านบางพื้นที่นิยมนำเมล็ดไปคลุกกับเกลือก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้พร้อมดื่ม จำหน่ายเป็นสินค้าระดับชุมชน  สำหรับเนื้อหุ้มเมล็ดหรือน้ำสุคนธรสอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ด้วยลักษณะของเนื้อหุ้มเมล็ดที่นำมาใช้รับประทานมีปริมาณน้อย จึงทำให้สุคนธรสไม่ได้รับความนิยมนำมาปลูกเป็นการค้าเมื่อเทียบกับเสาวรส วว. จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในพืชดังกล่าวและมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะดีสำหรับการปลูกเลี้ยงเพื่อการค้า


“...จากการดำเนินโครงการวิจัยที่ผ่านมา เป็นการรวบรวมและคัดเลือกสายพันธุ์เสาวรสชนิดต่างๆ พร้อมทำการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุคนธรส  เสาวรสสีม่วง และเสาวรสสีเหลือง ตลอดจนการนำไปฉายรังสีเพื่อให้เกิดการกลายพันธุ์ โดยนำสายพันธุ์ลูกผสมที่ได้จากการผสมข้ามในแต่ละคู่ผสมและสายพันธุ์กลายมาปลูกทดสอบการเจริญเติบโต และเก็บข้อมูลการให้ผลผลิตของลูกผสม เพื่อให้ได้สายพันธุ์สุคนธรสสายพันธุ์ลูกผสม และสายพันธุ์กลายที่สามารถพัฒนาเพื่อปลูกเลี้ยงเชิงการค้า ทั้งนี้ได้มีการเก็บข้อมูลลักษณะพันธุ์และผลผลิตของสายพันธุ์ลูกผสมที่มีลักษณะดีและเด่น จำนวน 5 สายพันธุ์ และลักษณะการกลายพันธุ์ของเสาวรสสายพันธุ์ต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการฉายรังสี จำนวน 5 สายพันธุ์ และลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ ทรงรี เปลือกผลบาง เนื้อหุ้มเมล็ดหนา และกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังพบว่า สายพันธุ์ที่พัฒนาพันธุ์ด้วยวิธีการฉายรังสีลำต้น และใบจะมีความแข็งแรงเจริญเติบโตเร็ว ทนต่อโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี...” นักวิจัย วว. กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับคำปรึกษาจาก ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2577 9000  อีเมล tistr@tistr.or.th   www.tistr.or.th








 








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

เอ็นไอเอ โหมโรง “นิลมังกร” อัดฉีดผลงานนวัตกรรมเด่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด 19 โค้งสุดท้ายก่อนเฟ้นหาสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ”

  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 14 มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดประกาศผลและมอบรางวัล “ สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค ( Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ให้กับ 20 ธุรกิจนวัตกรรมจาก 4 ภูมิภาค ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรม ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ขึ้น เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและได้เรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิ...

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...