ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ครั้งแรกของโลก​ “โซล่าเซลล์เพอรอฟสไกต์”แบบหลายชั้น ควบคุมได้​ ฝีมือนักวิจัย​ม.มหิดล​ คว้ารางวัลการวิจัยแห่งชาติ​2565




มหิดลยืนหนึ่ง! ผลิต “โซล่าเซลล์เพอรอฟสไกต์”แบบหลายชั้น ควบคุมได้ ครั้งแรกของโลก เตรียมรับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ในงานวันนักประดิษฐ์ 2565


ปัจจุบันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความต้องการพลังงาน จากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด สภาพแวดล้อมทั่วโลกจึงเริ่มเสื่อมถอย การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ ให้มีความปลอดภัย เหมาะสม และยั่งยืนสำหรับอนาคต จะสามารถช่วยแก้ปัญหาวิกฤติทางพลังงานได้


รศ.ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ นักวิจัยสาขาวิชาวัสดุศาสตร์และนวัตกรรมวัสดุ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเซลล์แสงอาทิตย์ที่นิยมนำมาใช้สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ได้แก่ เซลล์แสงอาทิตย์ประเภทผลึกซิลิกอน (c-Si) และประเภทฟิล์มบางจากวัสดุเชิงประกอบทองแดงอินเดียมแกลเลียมซีลีไนด์ (CIGS) ซึ่งยังคงประสบปัญหาด้านต้นทุนและปริมาณพลังงาน ทั่วโลกจึงมุ่งศึกษาการพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์จากวัสดุเชิงประกอบเพอรอฟสไกต์ (perovskite) ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำใกล้เคียงกับการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ประเภทสารประกอบอินทรีย์ โดยให้ประสิทธิภาพสูง เทียบเท่ากับเซลล์แสงอาทิตย์ประเภทผลึกรวมซิลิกอน หรือ วัสดุเชิงประกอบทองแดงอินเดียมแกลเลียมซิลิไนด์ และคาดว่าในอนาคต จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก


รศ.ดร.พงศกร ชี้ให้เห็นว่า โดยปกติโซล่าเซลล์ชนิดเพอรอฟสไกต์จะมีวัสดุชนิดเพอรอฟสไกต์เพียงชั้นเดียวในการดูดกลืนแสงอาทิตย์เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า ถ้าจะมีวัสดุเพอรอฟสไกต์หลายชั้น ต้องใช้วัสดุอื่นมาคั่นกลางเพื่อไม่ให้ชั้นด้านบนทำลายวัสดุชั้นด้านล่าง งานวิจัยชิ้นนี้ สามารถสร้างโซล่าเซลล์ชนิดเพอรอฟสไกต์แบบหลายชั้นต่อกัน และสามารถควบคุมความหนาได้ในระดับนาโนมิเตอร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยกระบวนการขึ้นรูปแบบสเปรย์ที่ควบคุมจำนวนและขนาดของอนุภาคของเหลวจากหัวสเปรย์ และความร้อนอย่างเหมาะสม ทำให้อนุภาคของเหลวก่อตัวเป็นผลึกสารกึ่งตัวนำทันทีเมื่อสัมผัสกับแผ่นรองรับ หรือชั้นเพอรอฟสไกต์ด้านล่าง เกิดเป็นเซลล์แสงอาทิตย์จากเพอรอฟสไกต์แบบสีไม่ทึบแสง หรือเรียกว่ากึ่งโปร่งแสง มีความทนทาน เหมาะสมกับสภาพอากาศของเมืองไทย เนื่องจากประสิทธิภาพจะไม่ลดลงตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น ต่างจากเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอน โดยสามารถนำไปใช้เป็นกระจกหน้าต่างที่ผลิตกระแสไฟฟ้า และต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศไทยได้


วัสดุเพอรอฟสไกต์มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือ มีช่องว่างแถบพลังงานตรง ที่ขอบการดูดกลืนแสงมีลักษณะแคบ ค่าสัมประสิทธิ์การดูดกลืนแสงในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็นมีค่ามาก มีค่าการเคลื่อนที่ของพาหะที่สูง และระยะการแพร่ทั้งพาหะอิเล็กตรอนและพาหะโฮลมีค่ามาก มีศักยภาพในการประยุกต์ใช้งานในด้านต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง เช่น ด้านเลเซอร์ อุปกรณ์ไดโอดเปล่งแสง และอุปกรณ์ตรวจจับแสง เป็นต้น รวมทั้งนำไปใช้สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถโค้งงอได้ โดยสารตั้งต้นที่ใช้ในการสร้างวัสดุเพอรอฟสไกต์สามารถหาได้ง่ายและมีประมาณสำรองมากพอบนพื้นโลก ปฏิกิริยาการสังเคราะห์ไม่ยุ่งยาก ผ่านกระบวนการ Table-Top ซึ่งทำได้หลากหลายวิธี นับว่าเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดยุคใหม่ที่สร้างความมั่นคงและยั่งยืน ให้กับพลังงานที่สำคัญของประเทศและของโลก 


ผลงานวิจัยโดย ม.มหิดล ภายใต้การสนับสนุนทุนจาก สวทช. กฟผ. และ คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล นับว่าเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ช่วยสร้างชื่อเสียงให้นักวิจัยและประเทศไทยในวงกว้าง โดยมีผู้เข้าถึงงานวิจัยแล้วกว่า 11.9 ล้านคน อาทิ บน World Industrial Reporter และScience Daily เป็นผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ Q1 โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้มอบรางวัลผลงานวิจัยแห่งชาติ ระดับดีมาก ประจำปี 2565 แก่ รศ.ดร.พงศกร กาญจนบุษย์ จากผลงานวิจัยเรื่อง“กระบวนการผลิตโซล่าเซลล์ชนิดเพอรอฟสไกต์แบบหลายชั้นทีละชั้นที่ควบคุมได้เป็นครั้งแรกของโลก ที่มีประสิทธิภาพและความทนทานความชื้นสูง” โดยเตรียมรับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศ.พิเศษ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ พร้อมจัดแสดงผลงานให้ชมในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 6 กุมภาพันธ์ นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพฯ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

FTA ผนึกความร่วมมือภาคี “การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม”

  Friends of Thai Agriculture: FTA ผนึกความร่วมมือภาคี จัดประชุมนานาชาติ “แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการเผาพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” กรุงเทพฯ , 1 ตุลาคมที่ผ่านมา - ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมกว่า 250 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทย 16 แห่ง นักการทูต ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำภาคเอกชน ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเรื่อง "การลดมลพิษทางอากาศด้วยการหลีกเลี่ยงการเผาในภาคเกษตรกรรม" Reduction of Air Pollution through Avoidance of Burning in Agriculture’ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของประเทศไทย นั่นคือการเผาในภาคเกษตรกรรม งานนี้จัดโดย Friends of Thai Agriculture – FTA ร่วมกับ องค์กรนานาชาติหลายแห่ง ได้แก่ สมาคมเกษตรกรรมเยอรมัน ( DLG), GETHAC, GIZ Thailand, Winrock International และศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรอย่างยั่งยืนแห่ง UNESCAP โดยงานสัมมนาได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สร้างสรรค์เพื่อลดมลพิษ PM2.5 ที่เกิดจากการเผาข้าว ข้าวโพด และอ้อยในประเทศไทย สถานการณ์การเผาในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย  การเผาในภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งส่...