ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สภาเกษตรกรจังหวัดตราด ดัน “ขยะเป็นศูนย์” พื้นที่ผักเกษตรอินทรีย์


 นายภาสกร  เขียวขจี อายุ 55ปี อาชีพเกษตรกร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเกษตรตราด จ.ตราด และเจ้าของ “บ้านไร่เขียวขจี ภาสกรฟาร์ม” กล่าวว่า พื้นที่ทำการเกษตร“บ้านไร่เขียวขจี ภาสกรฟาร์ม” เป็นสวนผสมด้วยระบบอินทรีย์ และรับรองพื้นที่ทั้งหมดแล้วโดยกรมวิชาการเกษตร ประมาณ 130 ไร่เศษ เป็นพื้นที่น้ำ 30 ไร่ เลี้ยงปลาตะเพียน ยี่สก  , ปลูกผัก 15 ไร่ ประมาณ 30 ชนิด  เป็นระบบน้ำหยด , นาข้าว 20 ไร่ ปลูกพันธุ์หอมมะลิ 105 จำหน่ายและบริโภค  , ปาล์มน้ำมันส่งโรงงาน/หมากดิบส่งตลาดต่างประเทศ 10 ไร่   , มะพร้าว/กล้วย พันธุ์มะลิอ่อง 10 ไร่เศษ  ,  มะละกอฮอลแลนด์ 5-10 ไร่ ส่งตลาดและห้างสรรพสินค้า เป็นต้น  ผลผลิตหลักของกลุ่มฯคือผักสลัด เช่น ฟิลย์เล่ไอซ์เบิร์ก  เรดปัตตาเวีย  เรดโอ๊ค  เรดคอรัล  กรีนโอ๊ค  บัตเตอร์เฮด   คอส  เบบี้คอส เป็นต้น นำส่งยังโรงพยาบาลในจังหวัดตราดและจันทบุรี เพื่อจัดทำเมนูสุขภาพสำหรับผู้ป่วย รวมทั้งตามคำสั่งซื้อจากห้างสรรพสินค้า  ปัญหาหลักคือจะมีเศษผักที่ไม่สวย หัก แต่ยังสามารถบริโภคได้ ทางกลุ่มฯแยกจำหน่ายกับทำปุ๋ยหมักไว้ใช้หมุนเวียนในพื้นที่  แต่ก็มองว่าน่าจะต่อยอดได้ไหม  จึงได้หารือกับสภาเกษตรกรจังหวัดตราดเพื่อหาทางบริหารจัดการต่อไป



ขณะที่ นางมาลี  วิจิตรโสภาพันธ์ หัวหน้าส่วนยุทธศาสตร์การเกษตร สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดตราด เปิดเผยว่า เกษตรกรในจังหวัดตราดส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ซึ่งจะประสบปัญหาเรื่องการจัดการผลผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต การรักษาคุณภาพผลผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต เรื่องการจัดการพื้นที่ภาคการเกษตรให้ “ขยะเป็นศูนย์”ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกิดจากการประชุมร่วมกันกับประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ นายประพัฒน์  ปัญญาชาติรักษ์ ได้ให้นโยบายไว้ จึงนำมาสู่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรไว้กับสภาเกษตรกรจังหวัดตราด   “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเกษตรตราด” รวมตัวเป็นเครือข่าย 10 คน ปลูกผักอินทรีย์ ประเภทผักสลัด  ผักพื้นบ้าน ผักสวนครัว ผลไม้ มะพร้าว ปาล์ม หมาก รวมทั้งนาข้าวด้วย ผักสลัดของทางกลุ่มหลักๆจะส่งให้กับห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล  เป็นต้น


ในกระบวนการคัดแยกเพื่อบรรจุจำหน่ายนั้นจะมีการตัดแต่งผักส่วนที่ไม่สวย มีรอยหัก แต่ไม่เน่าเสีย และสามารถบริโภคได้ มองว่าเศษผักเหล่านี้น่าจะมีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรได้  จึงประสานงานไปยังสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นต้น เพื่อเข้ามาให้ความรู้และกระบวนการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มเกษตรกร จึงเป็นที่มาของการแปรรูปสู่ผักผง โดยเกษตรกรนำเศษผักอินทรีย์ที่เหลือจากการคัดแยกปั่นละเอียดและนำไปบรรจุในถุงซีล แล้วนำเข้าช่องฟรีซแช่แข็งทันที และจัดส่งให้ผู้ประกอบการเพื่อดำเนินการแปรรูป ซึ่งจะใช้เวลาเข้าเครื่องป่น ครั้งละ 18-20 ชั่วโมง เศษผักสลัดปั่นละเอียดแช่แข็ง จำนวน 10 กิโลกรัม สามารถแปรรูปเป็นผักผงได้ประมาณ 1 กิโลกรัม นำไปบรรจุแคปซูลหรือซองฟรอยด์ เพื่อชงดื่มหรือประกอบอาหาร และอื่นๆ


ซึ่งกระบวนการแปรรูปจากวัสดุเศษผักสลัดเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวคิด “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) เป็นแนวทางในการลดการเกิดขยะตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัดลดเหลือน้อยที่สุดจนเป็นศูนย์


อย่างไรก็ตาม สภาเกษตรกรจังหวัดตราดและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเกษตรตราดกำลังวางแผนนำผักผงแปรรูปเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ เช่น โจ๊กผัก ซุปผัก ผักสลัดชงน้ำพร้อมดื่ม หรือวัตถุดิบในการทำขนมปัง เบเกอรี่ เป็นต้น รวมทั้งความต้องการเครื่องจักรการเกษตรขนาดเล็กเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มมากขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกและผ่อนแรงเกษตรกรในระดับหนึ่ง ซึ่งสภาเกษตรกรจังหวัดตราดจักได้นำความต้องการประสานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการเรื่องผลผลิตและผลิตภัณฑ์ในอนาคตที่จะต่อยอดออกมา ในขณะที่ “บ้านไร่เขียวขจี ภาสกรฟาร์ม” ก็ได้เตรียมพื้นที่ 10 ไร่ เพื่อจัดทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ลานกางเต็นท์ บ่อตกปลา ร้านอาหาร/กาแฟ จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์และขยายเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดตราดดำเนินการรวบรวมผลผลิตอินทรีย์สู่ตลาดที่มีความต้องการอย่างกว้างขวางต่อไป 

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดตราด หมายเลขโทรศัพท์ 0 3951 3580 หรือ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเกษตรตราด” หมายเลขโทรศัพท์ 08 1735 2993 



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้สู่ชุมชน

  วช. เสริมแกร่ง มรภ.อุตรดิตถ์ ผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 IN 1 จากวัสดุเหลือทิ้ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำองค์ความรู้ และนวัตกรรมการผลิตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ส่งเสริมรายได้พื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุรินทร์ กว่า 100 ราย แนะใช้ถ่านดูดซับกลิ่น ความชื้น ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้ อมให้ยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนั กงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จากปัญหาเศษวัสดุเหลือทิ้ งทางการเกษตร อาทิ เปลือกทุเรียน เหง้ามันสำปะหลัง แกนข้าวโพด ข้อไม้ไผ่ รวมถึงเศษกิ่งไม้ริมทาง ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิ ดประโยชน์มากนัก  อีกทั้งการจัดการโดยเผาเศษวัสดุ เหลือทิ้งในที่โล่ง ยังเป็นการปล่อยก๊าซเรื อนกระจกและมลสารเข้าสู่ชั้ นบรรยากาศ องค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิ ตถ่านดูดกลิ่น 3 In 1 ด้วยวิธีไพโรไลซิส จึงนับเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ไขประเด็นปัญหาดังกล่าวได้ ขณะนี้นักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ ความรู้และติดตั้งนวัตกรรมแล้ว ประกอบด้วย เตาผลิตถ่านดูดกลิ่นแบบไพโรไลซิ ส เครื่...

เอ็นไอเอ โหมโรง “นิลมังกร” อัดฉีดผลงานนวัตกรรมเด่นพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด 19 โค้งสุดท้ายก่อนเฟ้นหาสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยภายใต้ “นิลมังกรแคมเปญ”

  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 18 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 14 มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดประกาศผลและมอบรางวัล “ สุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยประจำปี 2564 รอบภูมิภาค ( Thailand INNO BIZ Champion 2021 Regional Round) ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ให้กับ 20 ธุรกิจนวัตกรรมจาก 4 ภูมิภาค ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “NIA มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรม ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค ภายใต้ “ นิลมังกรแคมเปญ ” ขึ้น เพื่อสร้างตัวอย่างการทำธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคให้คนในพื้นที่ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและได้เรียนรู้กระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรม ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของ Edutainment เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เข้าถึง และเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิ...

2-4 ธันวาคมนี้ พบกันที่ งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024)

สมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ พันธมิตรในภาคตะวันออก และภาครัฐ ร่วมจัดงานสัตว์น้ำเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ประจำปี 2567 งานสัตว์น้ำไทย 2024 (Thai Aqua Expo 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3-4 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวความคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับ สมาคม สหกรณ์ ชมรม กลุ่มแปลงใหญ่ ในภาคตะวันออกก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทเอกชนผู้ร่วมสนับสนุน ภายใต้มีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้ นวัตกรรม การส่งต่อข้อมูลเพื่อให้เกษตรกร สามารถวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ่ายทอดแนวทางการลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ภายในงานมีการเสวนา และสัมมนาให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ทั้ง 3 วัน รวมถึงมีการจัดแสดงสินค้าของบริษัทและผู้ค้าปัจจัยการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากกว่า 70 บูท และมีบริษัทสนใจเข้าร่วม...